เป็นแคสที่ฮามาก บังเอิญมาก เพราะตอนดู Peaky blinders
แอบคิดเล่นๆว่าถ้า คิลเลี่ยน เมอร์ฟี่ แกไปอยู่ใน A Quiet Place คงรอดตายเหลือคนสุดท้ายแน่ๆ เพราะเวลาแกพูดแม่งเหมือนคนกระซิบกระซาบ เป็นคนพูดกระซิบแต่ฟังรู้เรื่องทุกคำ ปรากฏว่าภาคสองแม่งมาจริง มันยังคงเป็นหนังที่ดูสนุกมากๆ แม้จะไม่สดเหมือนภาคแรก และเน้นเอะอะมะเทิ่งกว่าเดิมตั้งแต่ฉากแรกๆ แต่มันยังมีระดับความลุ้นเยี่ยวเหนียวเหมือนกัน
หากภาคแรกเน้นขายความเงียบแบบเสียวไส้ ภาคนี้ก็เหมือนนั่งดู Jurassic park ฉากแรพเตอร์ ลุ้นเหมือนกัน แต่อึกทึกคึกโครมขึ้นหลายเท่า แถมใช้สูตรสำเร็จเดาทางได้ในหลายๆฉาก มีภาระสังคมที่มาในรูปแบบเด็ก มีอะไรต่อมิอะไรอย่างที่ หนังใหม่เต็มเรื่อง Jurassic park มีเลย ซึ่งแน่นอนว่าไม่ค่อยตรงคอนเซ็ปต์เล่นกับความเงียบในภาคแรก ตอนท้ายขมวดที่ปูมาได้ดี
แต่แอบกั๊กๆเหมือนหมดมุกแล้ว เหมือนจะบอกว่าพอแล้วนะ แล้วตัดจบไปได้แล้ว เดี๋ยวไม่มีอะไรเล่นในภาคต่อไป เชื่อว่าภาคสามต้องทำการบ้านหนักๆเลย ว่าจะทำยังไงให้เรื่องมันไม่ใช่แค่มาวิ่งหนีวิ่งหลบเอเลี่ยน เพราะขืนเล่นท่าเดิมซ้ำๆคนจะบ่นว่า A Quiet Place Part สำหรับกูมีแค่ภาคแรกภาคเดียว หรือร้ายกว่านั้น คนจะบ่นว่า
ออกอ่าวออกทะเลอย่างกับบ้านผีปอบ เหมือนที่หนังภาคต่อดังๆหลายเรื่องโดนมาแล้ว(แต่พวกมึงก็ต้องตามดูอยู่ดี) หากภาคแรกขึ้นชื่อเรื่องการเก็บทรงของคนดู ไม่เหมาะกับคนเสียมารยาททั้งหลายทั้งปวง เช่น พวกชอบจกขนมตลอดเวลา พวกคุยมือถือ หนังออนไลน์ พวกเคี้ยวแจ๊บๆ เพราะหนังมันเล่นกับความเงียบ หากใครทำเสียงนิดหน่อยก็จะโดนที่นั่งข้างๆถมึงตาใส่
แบบที่ว่าป๊อปคอร์นหรือขนมในมือไม่กล้าแตะกันเลยทีเดียว แต่ภาคนี้คนดูในโรงกล้าจกป๊อปคอร์นกันมากขึ้น แต่จะหกไม่หกนั่นมันขึ้นอยู่ที่ระดับขวัญว่าอ่อนไม่อ่อน เพราะมีฉาก ตุ้งแช่!!ป๊อปคอร์นกระจายหลายฉากมาก
Comments