จริงๆ การประกาศสร้างหนังบู๊สักเรื่องของฮอลลีวู้ดไม่ใช่อะไรที่น่าแปลก
แต่สำหรับโปรเจ็ค Saigon Bodyguards ที่จะนำแสดงโดยดาวบู๊จีน อู๋จิง กับดาวฮอลลีวู้ดอย่าง คริส แพร็ตต์ โดยมีพี่น้องรุสโซ่แห่งจักรวาล Marvel ควบคุมงานสร้างในนามค่าย AGBO ผู้สร้าง Extraction หนังบู๊ คริส เฮมเวิร์ธ ที่เพิ่งกระหึ่ม Netflix ไปช่วงต้นปี เรื่องนี้มันแอบมีความต่างออกไป
อย่างแรกเลยคือทำไมต้องเป็น Saigon Bodyguards หรือชื่อหนังต้นฉบับของเวียดนาม Vệ Sĩ Sài Gòn (2016) ซึ่งหนังเวอร์ชั่นต้นฉบับก็ไม่ได้ดีเด่อะไรมากนัก จากการที่แอบๆย่องเข้าไปดูคำวิจารณ์ที่เละเทะใช้ได้ มันถูกจัดอยู่ในหมวดหนังบู๊ตลกที่เกือบๆจะไร้สาระด้วยซ้ำ แต่ในเวียดนามถือว่าโด่งดังใช่เล่น หนังพล็อตง่ายๆ ที่พูดถึงบอดี้การ์ดสองคนที่นิสัยต่างกันสุดขั้ว ดูหนังฟรี ต้องรับภารกิจตามหาทายาทของผู้มีอิทธิพลในองค์กรใหญ่ แน่นอนว่า อู๋จิง จะรับบทบอดี้การ์ดมือดีมาดขรึม และ คริส แพร็ตต์ จะเล่นเป็นไอ้ตัวปั่น ซึ่งก็สูตรเดิมๆแบบที่ Rush hour หรือหนังคู่หูแนว ดเวย์น จอห์นสัน กับ เควิน ฮาร์ท นั่นแหละ ที่น่าสังเกตคือ ยุคนี้อุตสาหกรรมหนังเวียดนามเริ่มพัฒนา เห็นได้จากการที่มีหนังหลากหลายแนวขึ้น และสร้างออกมาตีตลาดโลกได้มากขึ้น ดาราเวียดนามก็ไปโผล่หนังฮอลลีวู้ดกันเป็นว่าเล่น หนึ่งในนั้นคือสาวนักบู๊หน้าสวย เวโรนิก้า โหงว ที่โผล่ในหนังใหญ่ๆเช่น Star Wars , Da 5 Bloods และ The Old Guard
ด้วยสถานการณ์โควิด-19 เข้าเล่นงานโลก ทำให้ทั้งในอเมริกา และ จีน ถือว่าต้องคิดกันหัวแตก ว่าจะทำยังไงถึงจะหาโลเกชั่นถ่ายทำหนังสเกลเบิ้มๆ คือลือๆ แบบที่ผ่านมาได้
แน่นอนว่า เวียดนาม ซึ่งถือว่ามีความสัมพันธ์คาบเกี่ยวกับทั้งจีนและอเมริกา คือหมุดหมายที่ดีในการเข้าไปบุกเบิกอุตสาหกรรมหนังจากทั้งจีนและฮอลลีวู้ด เวียดนาม ในตลาดอุตสาหกรรมหนังโลก ถือว่ายังใหม่ แต่ผลงานหนังในประเทศเริ่มมีความสากลมากขึ้น มองเห็นเค้าลางของเกาหลีใต้อยู่รำไร เพราะจะว่าไปก่อนหน้านี้
อเมริกาพยายามจะจับมือกับเกาหลีใต้มาพักใหญ่ๆ แต่อย่างที่รู้ๆกัน เกาหลีใต้เองก็อยู่ในภาวะโควิดเล่นงาน พอๆกับ ญี่ปุ่นนั่นแหละ ดังนั้น เวียดนาม แดนเหงียนจึงอาจเป็นหมุดหมายที่ดีที่สุด ณ ตอนนี้ มองข้ามไทยไปได้เลย เพราะสถานการณ์การเมืองที่ไม่สู้ดีนัก แม้บุคลากรและโลเกชั่นบ้านเราจะครบพร้อมสักแค่ไหน ก็น่าจะต้องรอกันไปอีกพักใหญ่ๆ อันที่จริงก่อนหน้านี้ทีมงานของพี่น้องรุสโซ่ หรือแม้กระทั่งหนังเกาหลี จีน ฮอลลีวู้ด ก็เคยจะมาปักหลักบ้านเรายาวๆเหมือนกัน หนังใหม่ชนโรง Fast 9 หรือ Extraction ก็มาใช่เมืองไทยถ่ายทำ เหมือนๆจะคึกคักกันดีมีการดีลงานในวงการโปรดักชั่นกันยาวๆ แต่เพราะโควิดลง จึงน่าจะมีการเผ่นหนีไปหาแผนอื่นอย่างที่เห็นๆกัน จริงๆเมืองไทยถือว่ายังไม่รุนแรง สถานการณ์ไม่ต่างจากเวียดนาม เผลอๆดีกว่า แต่ต่างชาติเลือกไปเวียดนามแทน เลยกลายเป็นว่าตอนนี้มีแค่เกาหลีใต้ที่แอบๆเข้ามาจับมือทำหนังในบ้านเราแทนที่จะเป็นจีนหรือฮอลลีวู้ด แต่ได้ข่าวว่าการทำเรื่องมาขอถ่ายทำในบ้านเราค่อนข้างยุ่งยากเหลือเกิน ปรกติก็ยุ่งยากอยู่แล้ว เจอโควิดยิ่งต้องเข้มงวด เขาเลยเปิดแน่บไปหาที่อื่น ซึ่งที่ทีมงานต่างชาติเล็งชาติในเอเชียในการมาถ่ายทำหนังช่วงนี้ ส่วนหนึ่งเพราะต้นทุนไม่เยอะ จะได้ไม่เจ็บหนักเวลาหนังออกฉายแบบที่ Tenet หนังทุนสูงโดน ในยุคที่วิช่วลเอฟเฟ็คต่างๆสามารถเนรมิตรฉากในสตูดิโอได้แม้ไม่ต้องออกกองถ่ายในสถานที่จริง แต่ยังมีทีมทำหนังที่คิดว่าโลเกชั่นสำคัญมากๆอยู่ อย่างเช่น คริสโตเฟอร์ โนแลน เป็นต้น นี่คือยุคแห่งการทำหนังลงสตรีมมิ่งของจริง Extraction คือตัวอย่างของผลงานที่ดูแล้วสเกลใหญ่ ทั้งโปรดักชั่นและโลเกชั่น แต่จริงๆคือมันแทบจะเป็นหนังบู๊เกรดบี แบบที่ Wolf Warrior ภาค 2 เป็น มันดูเป็นหนังบู๊ทุนสูง แต่รถถังที่ใช้ในหนังแต่ละคันแอบๆเห็นความไม่เนียนอยู่เหมือนกัน ซึ่งทีมงานจีนเก่งอะไรแบบนี้อยู่แล้ว สตูดิโอ AGBO ของพี่น้องรุสโซ่ ดีลงานกับทีมทำหนังจีนที่ อู๋จิง นำแสดงนั่นคือ Wolf Warrior มาพักใหญ่ๆ เน้นหลักๆคือคิวบู๊และฉากปืนระเบิดล้างผลาญต่างๆ ให้ออกมาอลังการและมันส์ที่สุด โดยใช้งบประมาณทำให้น้อยที่สุด เพื่อที่จะส่งหนังลงสตรีมมิ่งหรือเข้าฉายทำกำไรในจีน จากการร่วมมือกันของ จีน-ฮอลลีวู้ด ทำให้ Wolf Warrior ภาค 2 ใช้ทุนไปแค่ 30 ล้านเหรียญ แต่ฟันกำไรมหาศาลถึง 877 ล้านเหรียญ แต่สถานการณ์โควิด-19 ทำให้พวกเขากำลังใช้เวียดนามเป็นหมุดหมายต่อไปในการละเลงทำหนังบู๊สู่ตลาดโลก ดูจากตัวเลขรายได้แล้วใครไม่ทำก็บ้าแล้ว
หนังเรื่องนี้ คริส แพร็ตต์ รับหน้าเสื่อเป็นโปรดิวเซอร์ร่วมด้วย การหยิบเอาหนังบู๊เวียดนามเรื่องนี้มารีเมคไม่น่าจะใช่เพราะหนังมันดีอะไรมากมายนัก แต่น่าจะเป็นการผายมือเชื้อเชิญให้โลกได้รู้จักและจับตาหนังบู๊สัญชาติเวียดนามไปในตัว เพื่อที่จะบอกให้โลกรู้ว่า เวียดนาม พร้อมมากกับอุตสาหกรรมหนังในยุคโควิด-19
Comments