top of page
ค้นหา
รูปภาพนักเขียนโทนี่ กระต๊าก

ดาบพิฆาตอสูร Demon Slayer: Kimetsu no Yaiba

เพราะว่าต้องเก็บฉบับอนิเมะให้ได้ 26 ep. ก่อนแล้วจึงค่อยไปตำฉบับ Movie ในโรง

รู้สึกคิดถูกเป็นที่สุดที่ไม่ตามกระแสไปตำฉบับโรงก่อน เพราะเอาตามตรงโคตรอิจฉาบางคนที่บอกว่าไม่ได้ตามฉบับมังงะหรืออนิเมะ แต่ยังดูฉบับโรงได้สนุก อันนี้ก็แล้วแต่สะดวกใคร แต่สำหรับตั๋วร้อนผู้ไม่ชอบวิธีลัดแล้วคิดว่าตัวละครมันต้องใช้การบ่มเพาะจริงๆ ทั้งในส่วนของความคั่งแค้น ความน่าสงสาร นิสัยใจคอ คือพูดง่ายๆ


ถ้าไม่ได้ตามดูฉบับอนิเมะก่อนกูคงไม่รู้สึกอินกับ The Movie เพราะเนื้อเรื่องแม่งต่อกันเลยกับฉบับอนิเมะ จะขอพูดโดยรวมในทุกๆ ep.ไม่ใช่เฉพาะฉบับฉายโรง ว่า Kimetsu no Yaiba ถือเป็นการ์ตูนที่สร้างบรรยากาศของ ดูหนังฟรี ยุคสมัยญี่ปุ่นโบราณได้ขลังมาก ส่วนหนึ่งคงต้องยกให้การใส่ซาวด์บทสวดหลอนๆเข้ามาเป็นระยะๆ ยิ่งทำให้มันไปสร้างน้ำหนักให้บรรยากาศอันน่าหวาดระแวง ตอนที่อสูรจะเล่นงานเหยื่อได้เป็นอย่างดี หลังจากเปิดตัวอสูรแต่ละตัวด้วยความหวาดผวา ก็เข้าสู่โหมดดราม่า สลับกับฉากแอ็คชั่นฟาดฟันมันส์ๆพร้อมๆกับการตีฝีปากระหว่างคนกับปิศาจ แถมก่อนอสูรจะตายในแต่ละตนยังมีไขปมปูมหลังของอสูรให้คนดูได้เข้าสู่โหมดอโหสิกรรม ซึ่งถือเป็นอะไรที่ชาญฉลาด ล้ำลึก เข้าถึงแก่นของหลักธรรมมากกว่าให้พระมานั่งเทศนาตอนจบของละครบางประเทศเสียอีก ใน ep.แรกๆที่มีการปูพื้นตัวละครอย่าง คามาโดะ และ เนะซึโกะ ทันจิโร่ สองพี่น้องที่ถูกอสูรปริศนาฆ่าล้างครอบครัว ถือเป็นช่วงเวลาการปูตัวละครที่หนักหนาเอาการอยู่เหมือนกัน ผู้แต่งทำไมมึงใจร้ายใจดำอำมหิตจังวะ เรื่อยไปจนถึงตอนฝึกฝนเป็นนักล่าอสูร ก็ยังอุตส่าห์ใส่ตัวละครบางตัวเข้ามาให้ผูกพัน แล้วจึงตบกบาลกูด้วยดราม่าหักมุมน้ำตาไหลพราก โดยเฉพาะอีตอนก่อนที่จะผ่าหินได้นี่คือแบบอิเหี้ย!! ทำไมมึงผูกเรื่องได้ดีจังวะ ร้องไห้เป็นเด็กเลยกู ตีขนาบไปกับเรื่องราวทั้งหมดทั้งปวงก็คือความรักระหว่างพี่น้องอย่าง ทันจิโร่ กับ เนะซึโกะ นี่แหละ พัฒนาการของเนะซึโกะในภายภาคหน้าเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นจนรอแทบไม่ไหว เชื่อว่าสกิลของน้องจะโหดขึ้นกว่านี้แน่ ถือเป็นตัวละครที่สร้างทุกอารมณ์ให้คนดู ทั้งเวทนา ทั้งเอ็นดู และปรบมือดังลั่นเมื่อน้องโชว์สกิลต่อสู้ จนกระทั่งการมาของตัวละครผองเพื่อน อากาสึมะ เซ็นนิตสึ กับ ฮาชิบิระ อิโนสึเกะ หนังก็เข้าสู่โหมดของความผ่อนคลาย ลั่นมุกใส่คนดูแบบไม่ยั้งตามสไตล์อนิเมะญี่ปุ่น และในส่วนของความดราม่าจะถูกโอนถ่ายน้ำหนักไปที่เหล่าอสูรแทน แต่ละตัวมีปูมหลังและปมส่วนตัวที่น่าสนใจ เราจะรู้สึกกระอักกระอ่วนใจลังเลที่จะโกรธเกลียด กับ เห็นใจ ไปพร้อมๆกัน แต่ในส่วนของผองเพื่อนก็ใช่ว่าจะน้อยหน้า ปูมหลังน่าสนใจกันทั้งนั้น เรียกได้ว่ากางจอรอเลย เพราะไอ้สองตัวนี่ในอนาคตจะมีอะไรเซอร์ไพรส์กว่านี้แน่


ดูหนังฟรี

หนังเริ่มเล่นใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จากการที่มันเริ่มเปิดจักรวาลอสูร

เปิดตัวบอสใหญ่และลิ่วล้อตัวเป้ง พร้อมๆกันนั้นฝั่งนักล่าก็ใช่ย่อย มีการแนะนำตัวละครนักล่าเสาหลักทั้งหลาย ที่เปรียบเหมือนมือล่าระดับเทพที่วางไว้บนหิ้งให้ตัวทันจิโร่ได้ไต่ไปถึง เมื่อตัวละครเริ่มเยอะขึ้นแทนที่จะทำคนดูเหนื่อย แต่เรากลับรู้สึกรอคอยที่จะได้ ดูปูมหลังของตัวละครแต่ละตัว เพราะเอกลักษณ์


และส่วนที่ดีที่สุดของอนิเมะเรื่องนี้ คือมันมักขยี้ปูมหลังตัวละครไม่ว่าจะฝั่งคนหรือฝั่งอสูรได้ลึกซึ้งมาก บางตัวจากที่เกลียดๆอยู่พอมันขยี้ปูมหลังเท่านั้นแหละ น่าสงสารขึ้นมาจับใจ ส่วนภาค หนังออนไลน์ The Movie Mugen Train นี่อย่างที่บอก ขอเตือนเลยว่าถ้าอยากอิน ให้ตามเก็บฉบับซีรี่ส์ก่อน เพราะอย่างที่บอก ตัวละครแต่ละตัวปูมหลังมันบ่มเพาะได้ดีมาก ไม่อยากให้พลาด ไม่อยากให้มักง่ายจนมีประโยคที่ว่า ไม่ดูซีรี่ส์ มาดูฉบับโรงก็สนุก เพราะแม่งเปิดเรื่องมาคือต่อกันเลยกับตอนจบของซีรี่ส์ คือพูดง่ายๆว่า the movie มันเป็น ep.ที่ 27 , 28 , 29 , 30 ,31 นั่นแหละ เพราะ ep.ละราวๆ 20 นาที แล้วคือแม่งต่อกัน เหมือนมันตัดเอาภารกิจหนึ่งออกมาฉายโรงแดกตังค์คน Mugen Train ถือว่าทำได้สนุกตามมาตรฐาน แต่จะเน้นไปที่ตัว เสาหลักเพลิง เร็นโกคุ เคียวจูโร่ แล้วก็เริ่มมีความทะแม่งๆว่าทันจิโร่จะไม่ใช่ลูกคนขายถ่านธรรมดาๆ แต่แอบมีเนือยๆไปบ้างตรงที่หนังพยายามขยี้เรื่องความฝันของแต่ละคนมากไป โดยที่ไม่ได้ตีคู่ไปกับภารกิจช่วยชีวิตคนในรถไฟมากพอ ถ้าหนังเน้นภารกิจมันส์ๆมากกว่าจะไปเน้นดราม่า มันจะทำให้ตอนจบทรงพลังมากกว่า อาจจะใช้มุกแบบ train to busan หรือ Snowpiercer ก็ได้ แบบตีฝ่าโบกี้หนึ่งไปอีกโบกี้ ปกป้องโบกี้หนึ่งแต่ต้องสละอีกโบกี้ไรงี้ แต่ยอมรับตามตรงว่าจบได้พีคมาก น้ำตารินกันไปอีกหนึ่งกรุป ดูจบแล้วพอมานั่งย่อยเนื้อเรื่องมัน ไปๆมาๆหนังมันแอบมีกลิ่นเอาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาผสมคนเขย่าให้ออกมาเป็นเรื่องนี้พอสมควร หลักๆเลยก็ โมโมทาโร่


นิทานโบราณคลาสสิคของญี่ปุ่น แล้วก็การปกป้องน้องสาวแอบคล้ายๆ สุสานหิ่งห้อย (Grave of the Fireflies)อยู่เหมือนกัน หนังมันสอนให้รู้ว่า เกิดเป็นลูกผู้ชาย เวลามีอะไรหนักๆ มึงก็ร้องไห้ซะบ้างก็ดี แบบไอ้ทันจิโร่นี่แหละ​

ดู 7 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


โพสต์: Blog2_Post
bottom of page