ด้วยขีดข้อยำกัดทางกายภาพ ทำให้ ปีเตอร์ ดิงค์เลจ
ต้องใช้ความพยายามกว่านักแสดงคนอื่น หลายเท่าในการผลักตัวเองมาอยู่จุดนี้ เริ่มแรกตอนเข้าวงการ แน่นอนว่าเขาถือเป็นนักแสดงที่เป็นที่ต้องการตัวจากผู้สร้างหนังแฟนตาซีที่มีบทจำพวกคนแคระหรือเอลฟ์ เขาปฏิเสธได้ที่ไหนล่ะ ในเมื่อร่างกายที่พระเจ้าเสกมาให้มีแค่นี้ แต่เพราะความให้เกียรติตัวเอง แม้ว่าจะเคยเล่นหนังที่ต้องใช้สกิลการแสดงมาอยู่บ้าง
แต่ช่วงหลังจากที่เขาได้โชว์สกิล การแสดงในหนังดราม่าเข้มๆอย่าง Find Me Guilty ที่ร่วมแสดงกับ วิน ดีเซล แสงสปอตไลท์ตกกระทบเขาอย่างจัง และเขาเริ่มมีบทดีๆเข้ามามากขึ้น เขาจึงปฏิเสธบทแนวๆขายสังขารไปจนแทบหมดสิ้น ดูหนังฟรี และมันขึ้นอยู่ที่การดีล เพราะต้องกินต้องแดก เขาจึงพยายามตั้งกฏสร้างข้อแม้ว่า หากเขาจะรับบทคนแคระ
หรือภูตตัวจิ๋วสักคน บทนั้นจะต้องมีอะไรมาก กว่าการขายสังขาร แอนดรูว์ อดัมสัน ผู้กำกับ The Chronicles of Narnia จึงให้เขาตามนั้น โดยการใส่บางอย่างที่พิเศษในบท"ทรัมป์คิน"ให้เขา แต่ถึงจะใส่ความเป็นคนแคระที่มีอะไรๆมากกว่าคนแคระในหนังเรื่องอื่นๆ นี่ก็ไม่ใช่บทที่ ปีเตอร์ ดิงค์เลจ ภูมิใจเท่าไหร่ เขาตั้งปณิธานว่า หากเอาดีในบทดราม่าไม่ได้
ก็จะขอกลับไปทำงานออฟฟิศ ในคอกสี่เหลี่ยมโง่ๆตามเดิม เขาปฏิเสธบทในซีรีส์ Game of thrones ไปในทีแรก เพราะบทมันขายสังขารอันบกพร่องล้วนๆ แต่ผู้สร้างยืนยันว่านี่จะเป็นบทที่ทำให้เขาหล่อขึ้นจมเลย หนังใหม่ชนโรง เอาหัวผู้สร้างเป็นประกัน แต่เขามองไม่ออกว่าบท ทีเรียน แลนนิสเตอร์ คนที่เกิดมาแคระแกร็น ขี้เมา และเจ้าชู้ มันจะดีไปกว่าที่เขาเคยเล่นมาไปได้ยังไง
แต่เมื่อได้ศึกษาบท และได้เข้าถึงแก่นของบทแล้ว เขาไม่ลังเลที่จะรับแสดงด้วยใจกล้าๆกลัวๆ คำถามในใจมากมายผุดขึ้นในหัวเต็มไปหมด มันจะดูเท่ดูหล่อไปได้ยังไง คนอย่างทีเรียน สุดท้ายแล้วการรับบทครั้งนั้นใน Game of thrones มันได้เปลี่ยนชีวิตผู้ชายที่ไม่สมบูรณ์คนหนึ่ง ให้กลายมาเป็น 1 ใน 50 ตัวละครที่ทรงสเน่ห์ที่สุดจากการสำรวจของ Spinwiz
และเขากวาดรางวัลมากมายจากบทนี้ เช่น รางวัล Emmy Awards และ Golden Globe เขาเอาชนะขีดจำกัดของร่างกายได้อย่างที่เขาให้เกียรติตัวเองตั้งแต่แรก
Comments