หนึ่งในความสัมพันธ์ที่น่าประทับใจ อบอุ่น ชวนอมยิ้มตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันในซีรีส์
Start-Up ก็คือ "ฮันจีพยอง" และ "คุณย่า" คุณย่าจอมดื้อ ไม่เพียงแค่ให้ที่พักพิง อาหาร แต่ยังคอยสอนสั่ง อยู่เบื้องหลังการเติบโตของ ฮันจีพยอง ที่โตมากำพร้าพ่อแม่ ที่สำคัญ คุณย่าได้เปลี่ยนทัศนคติ ความหมายของการ "ให้" หรือ "ทำ" โดยไม่หวังผลตอบแทน โดยเฉพาะกับคนที่มองการลงทุนต้องได้รับผลกำไรแบบ "ฮันจีพยอง" ในโลกธุรกิจ
แต่ในโลกความจริง เขาเริ่มมอบความสุขที่เรียกว่า "ความหวัง" ให้แก่ ซอดัลมี ในวัยเด็กโดยไม่รู้ตัว จดหมายทุกฉบับและตัวหนังสือ กลายเป็นเพื่อนบรรเทาความเศร้า และความเหงาให้เธอ แม้ "ฮันจีพยอง" จะเติบโตมาด้วยความสำเร็จ แต่ก็ยังคงเฝ้ามอง เป็นห่วง หนังใหม่เต็มเรื่อง คอยซัพพอร์ต ซอดัลมี เสมอไม่ต่างจากวันแรกๆ ที่เขียนจดหมายถึง แม้ต้องอยู่หลังฉากห่างๆ ไกลแสงไฟ แม้ต้องเจ็บ และเก็บความรู้สึกตัวเองแค่ไหนก็ตาม
สิ่งที่เด็กกำพร้าอย่าง "ฮันจีพยอง" ได้รับจากคุณย่าจอมดื้อ
ก็คือมุมความอ่อนโยน ความเป็นมนุษย์ที่มองเห็นกันด้วยหัวใจ จนรู้สึกเหมือนทั้งสองคือ ย่า-หลาน จริงๆ ที่ต่างเติมส่วนที่ขาดให้กัน เรียนรู้ไปด้วยกัน คุณย่า อยู่ตรงที่เดิมเสมอ คอยปลอบประโลมหัวใจคนรอบข้าง เหมือนพื้นที่ปลอดภัยของทั้ง ฮันจีพยอง และ ซอดัลมี ทั้งสุข และทุกข์ รวมถึงคนดูเองก็ได้เก็บเกี่ยว และทบทวนตัวเองจากคำสอนดีๆ ของคุณย่าไปพร้อมกัน
เหมือนไดอะล็อกก่อนที่ "ฮันจีพยอง" จะขึ้นรถไปโซล "ถ้าทำสำเร็จ อย่าโทรหาฉัน" "ถ้ารวยหรือแต่งงานก็อย่าโทรมา ถ้าชีวิตดีอย่าได้โทรมา เพราะฉันไม่อยากรู้สึกอิจฉา" หนังออนไลน์ "แต่ว่า .. ค่อยโทรหาฉันเมื่อเธอลำบาก" เพราะต้องการเงินจำนวนไม่ต่ำกว่า 100 ล้านวอน เพื่อมาเริ่มต้นธุรกิจของตัวเอง ซอดัลมี จึงได้ตัดสินใจดร็อปเรียนออกจากมหาวิทยาลัย ก่อนจะเริ่มต้นทำงานพาร์ทไทม์เก็บเกี่ยวประสบการณ์ โดยมองว่าจุดเป้าหมายของเธอยังไม่จำเป็นต้องมีวุฒิการศึกษาเอาไปใช้ก็ได้ เธอใฝ่ฝันที่จะประสบความสำเร็จได้เหมือนกับ สตีฟ จ็อบส์ ที่เริ่มต้นทุกอย่างจากศูนย์ ในขณะที่ นัมโดซัน เขาเริ่มต้นทุกอย่างจากร้อย เขาเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท จากความสามารถทางด้านคณิตศาสตร์และฉลาดหลักแหลมของเขา
แต่เพราะความไม่มั่นใจ ทำให้เปิดบริษัทมาได้ 2 ปี ยังไม่เคยพบกับความสำเร็จเลยสักครั้ง ด้วยแรกผลักดันจากรักแรก จึงกลายมาเป็นการมาพบเจอกันของหนุ่มสาวที่ต่างมีความฝันเดียวกัน ธุรกิจวัยฝันของพวกเขาจะเกิดขึ้นสำเร็จได้หรือไม่?
Comments