top of page
ค้นหา
รูปภาพนักเขียนโทนี่ กระต๊าก

กว่าจะได้มาเป็น สตีฟเลอร์ ของ ฌอน วิลเลี่ยม สก็อตต์

​ฌอน วิลเลี่ยม สก็อตต์ เป็นคนปากกัดตีนถีบมาตั้งแต่วัยรุ่น

เขาทำงานจิปาถะทั้งซ่อมห้องน้ำ เป็นเซลแผนกท่อน้ำ เป็นเทรนเนอร์ยิม เป็นคนโกยขี้สัตว์ในสวนสัตว์ในตอนเช้า ตกเย็นก็ไปทำงานร้านพิซซ่า(โกยขี้แล้วไปทำพิซซ่า โอ้ว..) และงานอื่นๆอีกมากมายขอให้ได้เงิน เข้าวงการครั้งแรก จากการมีบทเล็กๆในทีวีซีรี่ส์ และ MV เพลง Hole In My Soul ของวง Aerosmith


แต่ชีวิตก็ไม่ได้ดีขึ้นเท่าไหร่ เขาทำงานประจำที่แผนกท่อน้ำในร้าน Home Depot และพยายามไปแคสบทหนังใหญ่แต่ไม่เป็นผล จนกระทั่งเขาได้มีโอกาสแคสบทหนังจัญไร เกรดรอง ทุนน้อยเรื่องหนึ่ง และได้บทนี้มา ชื่อตัวละครของเขาคือ ​​ดูหนังออนไลน์​ สตีฟเลอร์ เขาใส่ตัวตนห่ามๆของเขาเองลงไปในตัวละครนี้ทั้งที่เดิมทีนั้นตัวละครตัวนี้ก็ดูเป็นแค่ตัวประกอบในกลุ่มเพื่อนตัวหนึ่งเท่านั้น 8000 เหรียญ คือค่าจ้างสำหรับหนังเรื่องนี้ แต่กลายเป็นว่า ถ้าจะพูดถึงหนังสัปดนเรื่องนี้


ดูหนังออนไลน์

อันดับแรกทุกคนมักนึกถึงไอ้สตีฟเลอร์ ผู้เสียแม่ให้เพื่อนในกลุ่ม

มุกระยำตำบอนต่างๆก็ได้เขานี่แหละที่ใส่ไอเดียลงไป จนบางมุกมันโหดเกินรับ อย่างเช่นมุกกินเบียร์ผสมน้ำว่าว เมื่อหนังภาคแรกเข้าฉาย เขาพยายามขัดขวางคุณแม่ไม่ให้ไปดูหนังเรื่องนี้ แต่คุณแม่ไม่ยอม กลับพาบรรดาเพื่อนแม่เข้าไปดู และคุณแม่มักบอกกับใครต่อใครว่า " ยัยนั่นมันคุณแม่สตีฟเลอร์ตัวปลอม ฉันสิคุณแม่สตีฟเลอร์ตัวจริง "


จากค่าตัว 8000 เหรียญ เพราะทุนสร้างภาคแรกน้อยนิดเพียง 11 ล้านเหรียญ มันทำรายได้สูงถึง 235 ล้าน เขากลับมาในภาคต่อและได้ค่าตัว 5 ล้านเหรียญ และภาคต่อๆไปเขาก็ได้ค่าตัวเพิ่มขึ้นตามลำดับรายได้แต่ละภาค ซึ่งเป็นหนังแฟรนไชส์ที่ทำรายได้มโหฬารเหลือเกินเมื่อเทียบกับทุนสร้าง เว็บดูหนัง ผู้สร้างต้องยอมควักให้เขา เพราะถ้าหนังเรื่องนี้ไม่มีสตีฟเลอร์ ไม่มีใครการันตีได้ว่าหนังจะทำรายได้เยอะเท่ากับการมีเขาทำหน้าเจ้าเล่ห์อยู่ในหนัง หนังเรื่องนั้นทุกๆคนรู้จักกันดี มันคือหนังจัญไรในดวงใจใครหลายๆคนเรื่อง Unfinished Teenage Sex Comedy นั่นเอง แต่เพราะซีนหนึ่งในหนัง มีการเด้าพายของจิมพระเอกของเรื่อง


ก็เป็นอีตาฌอนนี่แหละ ที่เสนอให้เปลี่ยนชื่อหนัง ฌอนพูดคุยกับ อดัม เฮิร์ซ มือเขียนบทเรื่องเกี่ยวกับการแสวงหาการเสียความบริสุทธิ์ มันเปรียบเหมือนการเจาะพายที่เพิ่งออกจากเตาใหม่ๆ หนังจึงเปลี่ยนมามาเป็นชื่อ American Pie

ดู 10 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


โพสต์: Blog2_Post
bottom of page